แขกรับเชิญ อ.วิฒเนศ วงศ์วานิชวัฒนา หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
ประเด็น : กรณีที่บ้านโดนน้ำท่วมนานเป็นเดือน บ้านมีสิทธิ์ถล่มจากสาเหตุดินทรุดตัวหรือไม่
สรุป : ในความเป็นจริงโครงสร้างของบ้านไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้รับน้ำ โดยเฉพาะโครงสร้างของรั้ว การออกแบบรั้วจะออกแบบเพื่อให้อยู่ได้ และรับแรงดันของดินด้านข้างได้นิดหน่อยเท่านั้น ในกรณีที่เกิดน้ำท่วม น้ำที่สูงขึ้นแรงดันของน้ำจะมากขึ้นตามลำดับ ส่วนใหญ่ประมาณ 90% ที่เกิดการพังทลายของรั้ว เพราะเกิดรอยรั่วแล้วมีการอุดไว้ ในส่วนของบ้าน ซึ่งโครงสร้างบ้านบางส่วนเป็นงานปูน แต่บางส่วนไม่ใช่งานปูน เช่น พนังก่อ กระเบื้อง พื้น เป็นต้น โครงสร้างหลักจริงๆ คือ คอนกรีตเสริมเหล็ก โดยวิธีการก่อสร้างส่วนใหญ่จะประกอบด้วย พื้น คาน เสา จนถึงตอม่อ ลงไปที่ฐานล่าง กรณีที่น่ากังวล คือ ความอันตรายของบ้านที่อยู่บนฐานล่างที่มีเสาเข็มต้นเดียว ถ้าการทำเสาเข็มของบ้านไม่มีความเสถียรจะทำให้ดินบริเวณรอบบ้านไหลได้ บ้านที่มีขาดใหญ่จะมีเสาเข็ม 2 ต้น จะมีความเสถียรมาก ในกรณีที่มีการไหลของดิน จะพบเห็นได้ในกรณีที่บริเวณบ้านในรัศมี 10 เมตร มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งปกติดินจะมีส่วนผสมของน้ำอยู่แล้วระดับหนึ่ง ถ้าไม่มีอะไรมารบกวนดินจะระบายน้ำตามวงจรความเสถียร แต่อย่างไรก็ตามก่อนมีการก่อสร้างบ้านจะต้องมีการวิเคราะห์ถึงความพร้อมของสภาพดิน กรณีที่เกิดน้ำท่วมขั้นแรกต้องดูก่อนว่าดินมีการสไลด์หรือไม่ โดยให้ดูระดับของดินบริเวณรอบๆบ้าน ว่ามีการเปลี่ยนไปหรือไม่ เช่น มีการทรุดตัวลง 1-2 เซนติเมตร หรือ มีการสไลด์จากซ้ายไปขวา ซึ่งหมายความว่าสภาพดินถูกรบกวน ขั้นต่อมาให้ดูโครงสร้างของบ้านว่ามีการขยับหรือไม่ โดยดูว่าเกิดรอยร้าวของตัวคานที่อยู่ใกล้พื้น เช่น คานคอดินว่ามีรอยปริ รอยแยกหรือไม่ ซึ่งสามารถดูได้ในระยะสั้น ถึงระยะกลาง
ในระยะสั้น
ในระยะสั้น
· น้ำลดเร็วจะมีการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำในดินเร็วขึ้น จะมีผลในแง่ความแข็งแรงในดินระดับหนึ่ง แต่ถ้าการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำในดินมีระยะเวลานานให้ดูโอกาสของน้ำที่ไปค้างในโครงสร้างของบ้าน
· หากเกิดดินสไลด์ให้ดูว่าโครงสร้างของบ้านมีการขยับหรือไม่ ถ้าไม่มีการขยับแสดงว่าโครงสร้างยังไม่ได้รับความกระทบกระเทือน เป็นเพียงดินสไลด์ธรรมดาเท่านั้นไม่ได้ทำให้โครงส้รางเสียหาย
· ดูว่าโครงสร้างของพื้นที่แช่น้ำอยู่ว่ามีโอกาสที่น้ำจะแทรกไปข้างในโครงสร้างหรือไม่ ซึ่งน้ำที่แทรกเข้าไปจนถึงเหล็กจะทำให้เกิดสนิมเหล็ก ถ้าไม่มีรอยแยกก็จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย
ในระยะกลาง ( ระยะเวลา 1 เดือน )
· ถ้ามีสนิมในโครงสร้าง โครงสร้างจะแสดงพฤติกรรมจากโครงสร้างตรงเป็นโครงสร้างที่มีบิดแอ่นตามแรงดันของน้ำจะมีการเผยอด้านที่โดนน้ำผลักออก ( แสดงว่ามีน้ำแทรกเข้าไป ) เมื่อมีสนิมเหล็กเกิดขึ้นจะเป็นการเพิ่มปริมาตรของตัวโครงสร้างที่อยู่ใกล้เหล็ก
· ถ้าโครงสร้างใหญ่ คอนกรีตหุ้มเหล็กจะหนากว่าโอกาสที่น้ำเข้าไปถึงโครงสร้างเหล็กจะน้อยกว่า โครงสร้างจะไม่บิดแอ่น มีความปลอดภัย
จุดที่ควรสังเกตุ
· ดูตามรอยแยกที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น โคนเสา บริเวณก่อนเข้าบ้าน ปัจจัยแรกคือถ้ามีน้ำขึ้นลง ทำให้ดินยุบตัวไป เป็นสาเหตุทำให้ดินคลื่อนตัวทำให้ฐานล่างเคลื่อน
· กรณีที่เป็นเสาบ้าน โดยพฤติกรรมถ้าโครงสร้างบ้านขยับจะเกิดรอยแยกระหว่างขอบของเสากับคาน ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากด้านบน จะแสดงอาการที่ผนังก่อนถ้าไม่มีอาการ ให้เปิดใต้ดินตรงที่น้ำแช่อยู่ว่ามีช่องเปิดที่ทำให้น้ำเข้าไปถึงตัวโรงสร้างได้หรือไม่ถ้ามีน้ำเข้าไปถึงโครงสร้างจะสังเกตุได้จากน้ำที่มีคราบสนิมซึมออกมา
o ขั้นต้นถ้าโครงสร้างไม่ขยับรีบกลุยทางเข้าไปให้เห็นว่ามีช่องที่น้ำเข้าไปถึงโครงสร้างหรือไม่ ถ้าน้ำเข้าไปจะทำให้โครงสร้างเกิดสนิม
หน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือ
o วิศวกรรมสถาน
o สายอาชีวะ 1156
การเตรียมรับมือกับสถานการณ์
1. ศึกษาโครงสร้างของบ้าน เช่น ท่อน้ำเข้า-ออก ที่น้ำสามารถเข้ามาได้
2. ยอมให้น้ำเข้ามาในระดับหนึ่ง ประมาณ 50 เซนติเมตร แล้วกั้นบริเวณกักน้ำไว้เพื่อให้แรงดันของน้ำช่วยยันกัน และเพื่อไม่ให้ระดับของน้ำต่างกันเกินไป ซึ่งวิธีนี้สามารถช่วยได้ถึง 1.5 เมตร